ปฏิมากรรม เครื่องประดับชาวสวรรค์ ทิพยสมบัติเกิดด้วยบุญที่สั่งสมมา

00:17:00 Unknown 0 Comments

                                 
ถวายข้าวตอก มีวิมานประดับขันและข้าวตอก

เรื่องราวของ "ลาชเทวธิดา" ที่ถวายข้าวตอกแด่ พระมหากัสสปเถระ ที่เพิ่งออกจากฌานสมาบัติ ระหว่างทางเดินกลับบ้านเธอถูกงูพิษกัดตาย ละโลกด้วยจิตผ่องใสเพราะนึกถึงบุญได้ ไปบังเอิญเป็นเทพธิดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทอง ๓๐ โยชน์ ประตูวิมานประดับด้วยขันทองคำ เต็มด้วยข้าวตอกทองคำห้อยระย้าอยู่ เทพธิดาตรวจดูทิพยสมบัติด้วยจักษุแล้วทราบว่า ด้วยผลแห่งข้าวตอกที่ได้ถวายพระมหากัสสปเถระนั่นเอง จึงมายังโลกมนุษย์เพื่ออุปัฏฐากพระเถระ มุ่งหวังสั่งสมบุญกุศลเพิ่มขึ้น แต่ก็โดนพระเถระไล่ เพราะเห็นว่า ไม่เหมาะสมที่มีผู้หญิง แม้เป็นเทพธิดามาดูแล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบด้วยข่ายพระญาณ จึงทรงแผ่พระรัศมีดุจประทับเฉพาะหน้าเทพธิดา ทรงตรัสพระคาถา
  
ปุญญฺญฺ เจ ปุริโส กยิรา กยิราเถถนํ ตมหิ ฉนฺทํ กยิราถ สุโข ปุญญสฺส อุจฺจโย"
ถ้าบุรุษพึงทำบุญไซร้, พึงทำบุญนั้นบ่อยๆ พึงทำความพอใจในบุญนั้น, 
เพราะว่าความสั่งสมบุญทำให้เกิดสุข 
  
เมื่อจบพระเทศนา เทพธิดาได้บรรลุโสดาปัตติผล (ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท)

ถวายแกงปู มีปฏิมากรรมปูทองคำคอยบอกให้นึกถึงบุญ (กักกฏกรสทายกวิมาน)

ภิกษุรูปหนึ่งเริ่มเจริญวิปัสสนา เกิดโรคปวดหูขึ้นมา ไม่อาจที่จะขวนขวายวิปัสสนาได้ เพราะมีร่างกายไม่สบาย แม้ประกอบยาต่างๆ ตามวิธีที่หมอทั้งหลายบอก โรคก็ไม่สงบ.
               ภิกษุนั้นได้กราบทูลความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
               ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า โภชนะที่มีรสปูเป็นสัปปายะแก่เขา จึงตรัสแก่ภิกษุรูปนั้นว่า ภิกษุ เธอจงไปเที่ยวบิณฑบาตที่นาของชาวมคธ.
               ภิกษุนั้นคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเห็นการณ์ไกล คงจักทรงเห็นอะไรๆ เป็นแน่ จึงทูลรับพระพุทธดำรัสว่า สาธุ พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ถือบาตรจีวรไปนาของชาวมคธ ได้ยืนบิณฑบาตที่ประตูกระท่อมของคนเฝ้านาคนหนึ่ง คนเฝ้านานั้นปรุงอาหารรสปูและหุงข้าวแล้ว คิดว่าพักเสียหน่อยหนึ่งแล้วจึงจักกิน นั่งอยู่ เห็นพระเถระจึงรับบาตร นิมนต์ให้นั่งในกระท่อม ได้ถวายภัตตาหารที่มีรสปู.
               เมื่อพระเถระฉันภัตตาหารนั้นได้หน่อยหนึ่งเท่านั้น โรคปวดหูก็สงบ เหมือนอาบน้ำร้อยหม้อ.
              

พระเถระนั้นได้ความสบายใจเพราะอาหารเป็นสัปปายะ น้อมจิตไปโดยวิปัส
นา ยังฉันไม่ทันเสร็จ ก็ทำอาสวะให้สิ้นไปโดยไม่เหลือ ตั้งอยู่ในพระอรหัต กล่าวกะคนเฝ้านาว่า อุบาสก โรคของอาตมาสงบ เพราะฉันบิณฑบาตของท่าน กายและใจสบาย แม้ท่านก็จักปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ ด้วยผลแห่งบุญของท่านนั้น ทำอนุโมทนาแล้วหลีกไป.
               สมัยต่อมา คนเฝ้านาตายไปบังเกิดในห้องแก้วไพฑูรย์ ประดับด้วยห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้อง ในวิมานทองเสาแก้วมณี ๑๒ โยชน์ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์.
               อนึ่ง ที่ประตูของวิมานนั้นมีปูทองอยู่ในสาแหรกแก้วมุกดา ซึ่งพิสูจน์ถึงกรรมตามที่สั่งสมไว้ ห้อยอยู่.
               ครั้งนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะไปในดาวดึงส์นั้นโดยนัยที่กล่าวแล้วก่อน เห็นวิมานนั้นแล้ว ได้ถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า
               วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง ๑๒ โยชน์โดยรอบ มีห้องรโหฐาน ๗๐๐ ห้องโอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ดื่มกินในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มีเบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน.
               ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
               เทพบุตรแม้นั้นได้พยากรณ์แก่พระเถระแล้ว เพื่อแสดงความนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า
               เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า
               ปูทองมีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตู คอยเตือนสติให้ระลึก (ถึงกรรม) ได้สง่างาม
ปูสำเร็จแล้วด้วยทอง ชื่อว่า ชาตรูปมยะ แปลว่า ปูชื่อว่ามีขา ๑๐ เพราะปูนั้นมีขา ๑๐ แบ่งเป็นข้างละ ๕ อยู่ที่ประตูย่อมสง่างาม ปูนั้นแหละประกาศบุญกรรมของข้าพเจ้า แก่เหล่าท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่เช่นท่าน
เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า.
               ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
ถวายน้ำดื่มพระ  มีสายน้ำปรากฏบนวิมาน 
เทพธิดาได้ตอบพระโมคคัลลานะว่า

ชาติก่อน ดิฉันเกิดเป็นมนุษย์ อยู่ในหมู่มนุษย์ในมนุษยโลก ได้เห็นภิกษุหลายรูปผู้เหน็ดเหนื่อยกระหายน้ำ จึงขมีขมันถวายน้ำให้ท่านดื่ม ผู้ใดแลขมีขมันถวายน้ำให้ภิกษุหลายรูป ผู้เหน็ดเหนื่อยกระหายน้ำได้ดื่ม แม่น้ำหลายสายมีกระแสน้ำใสเย็น มากไปด้วยสวนไม้ดอก มีบัวขาวอยู่มากมาย ย่อมเกิดแก่ผู้นั้น        

วิมานนั้นมีแม่น้ำหลายสายไหลล้อมรอบอยู่ประจำ สายน้ำมีทรายมูล มีกระแสน้ำใสเย็น มีหมู่ไม้มะม่วง ไม้สาละ ไม้หมากหอม ไม้หว้า ไม้ราชพฤกษ์และหมู่ไม้แคฝอย ผลิดอกออกผลสะพรั่ง วิมานอันเลอเลิศมีภูมิภาคเช่นนั้น เป็นส่วนประกอบงดงามเหลือเกิน

นี้เป็นผลของกรรมนั้นนั่นเอง ผู้ทำบุญไว้แล้วย่อมได้วิมานเช่นนี้ เพราะบุญนั้นผิวพรรณดิฉันจึงงามเช่นนี้ ผลอันพึงปรารถนาจึงสำเร็จแก่ดิฉันในวิมานนี้และโภคะทั้งมวลล้วนน่าพอใจจึงเกิดขึ้นแก่ดิฉัน        
                                                       (ขุ.วิ. (ไทย) 26/ 47 - 51/ 9 )




You Might Also Like

0 ความคิดเห็น: